พ.ศ. 2505 นายแพทย์สมชาย สมบูรณ์เจริญ ได้เสนอโครงการจัดตั้งสถานตรวจมะเร็งระยะเริ่มแรกขึ้น ที่โรงพยาบาลหญิง
(โรงพยาบาลราชวิถี)
|
คณะรัฐมนตรีอนุมัติเสนอจัดตั้งสถาบันมะเร็ง แห่งชาติ โดยเห็นว่า “งานป้องกันและควบคุมโรคมะเร็ง”เป็นหน้าที่
ของกระทรวงสาธารณสุข
และ
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2508 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข
ดําเนินการจัดตั้งสถาบันมะเร็งแห่งชาติ โดยให้มีสํานักงาน
ไว้ในสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เริ่มโครงการ
ในปี พ.ศ. 2509 และให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดโครงการดําเนินการ
ไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคม แห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2510 - 2514) โดยมีวัตถุประสงค์ ของโครงการฯ ดังนี้
|
1. เป็นศูนย์รวบรวมและเผยแพร่สถิติข้อมูลต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับมะเร็งในประเทศไทยและเพื่อติดต่อแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์ ความคิดเห็นกับสถาบันมะเร็งในต่างประเทศ
2. เป็นศูนย์ตรวจมะเร็งระยะเริ่มแรกของร่างกาย ทุกระบบ
3. เป็นศูนย์วินิจฉัย บําบัดและวิจัยเกี่ยวกับมะเร็ง
4. เป็นศูนย์ประสานงานและร่วมมือกับสถานที่ ที่มีการตรวจวินิจฉัย และบําบัดรักษาโรคมะเร็งภายในประเทศ
รวมทั้งติดต่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นกับ สถาบันมะเร็งในต่างประเทศ นําวิธีการรักษาที่
ทันสมัยมาใช้ ประวัติ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (National Cancer Institute) กรมการแพทย กระทรวงสาธารณสุข
5. เป็นศูนย์อบรมเรื่องมะเร็งให้แก่ แพทย์ พยาบาล นักศึกษาแพทย์ และนักวิทยาศาสตร์
6. ให้การศึกษาแก่ประชาชนในเรื่องที่เป็น ประโยชน์ของการตรวจค้นหามะเร็งระยะเริ่มแรกและ การบําบัดรักษาที่ถูกต้อง
|
21 กันยายน 2511 ฯพณฯ จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ให้เกียรติมาวางศิลาฤกษ์ อาคารหลังแรก ณ บริเวณ
ถนนพระรามหก ใกล้โรงพยาบาลรามาธิบดี
|
10 ธันวาคม 2511 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาเสด็จมาทรงกระทําพิธี เปิดอาคารหลังแรก
และพระราชทานนามว่า “อาคารดํารงนิราดูร” หมายความว่า ปราศจากความ เศร้าโศกอาดูรตลอดไป และ
ณ โอกาส ที่สําคัญยิ่ง ฯพณฯ คุณพระบําราศนราดูร ได้กราบบังคมทูล พระกรุณา ขอบรมราชานุญาตพระราชทาน
ถือเอา วันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติ
|
พ.ศ. 2513 นายแพทย์สมชาย สมบูรณ์เจริญ ผู้อํานวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติคนแรก ได้มีความคิดริเริ่ม
ให้จัดตั้งโครงการบ้านพักฟื้นผู้ป่วยโรคมะเร็ง ด้วยเหตุผล ที่ว่า ประชาชนป่วยด้วยโรคมะเร็งมากขึ้น การรักษาโรคมะเร็ง
ต้องใช้เวลานานและต่อเนื่อง บางรายอาจใช้เวลานานเป็น เดือนหรือเป็นปี ซึ่งทําความลําบากให้ผู้ป่วยและครอบครัว
เป็นอย่างมากในการเดินทางมารับการรักษา เพราะเตียงของ สถานพยาบาลมีจํานวนจํากัด ดังนั้น เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีที่พัก
ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง จึงได้เสนอขอที่จากกรมธนารักษ์ เพื่อจัดสร้างบ้านพักฟื้นและสถาบันวิจัยพื้นฐาน
|
10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ฯพณฯ จอมพลถนอม กิตติขจร ปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ได้มีการแบ่งส่วนราชการใหม่
กระทรวงสาธารณสุข ให้สถาบันมะเร็งแห่งชาติมา สังกัดกรมการแพทย์
|
พ.ศ. 2516 กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้ จัดหาที่ดินราชพัสดุ ขนาดเนื้อที่ 100 ไร่ บริเวณคลอง 11 อําเภอธัญบุรี
เพื่อสร้างบ้านพักฟื้นผู้ป่วยโรคมะเร็งและ สถาบันวิจัยพื้นฐาน ตามที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติเสนอขอ
|
พ.ศ. 2523 สถาบันมะเร็งแห่งชาติเสนอโครงการ จัดตั้งศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งในภูมิภาค 8 แห่ง
|
พ.ศ. 2529 กระทรวงสาธารณสุข อนุญาตให้สถาบัน มะเร็งแห่งชาติดําเนินการจัดตั้งโครงการบ้านพักฟื้นผู้ป่วย
โรคมะเร็งธัญบุรี และได้เริ่มดําเนินการก่อสร้างตึกผู้ป่วยตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2530 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สถานรับผู้ป่วย
โรคมะเร็ง ธัญบุรี” มีฐานะเป็นฝ่ายหนึ่งของสถาบันมะเร็ง แห่งชาติ
|
พ.ศ. 2532 (วันที่ 25 กรกฎาคม 2532) คณะรัฐมนตรี ได้มีมติอนุมัติโครงการจัดตั้งศูนย์ป้องกันและควบคุม โรคมะเร็ง
ในส่วนภูมิภาค จํานวน 6 แห่ง ทั่วประเทศไทย ได้แก่จังหวัดลพบุรี ชลบุรี อุบลราชธานี ลําปาง สุราษฎร์ธานี และอุดรธานี
เพื่อขยายขอบเขตของงานการป้องกัน และควบคุมโรคมะเร็งไปสู่ภูมิภาค เพื่อให้ประชาชนได้รับ บริการตรวจวินิจฉัยและ
บําบัดรักษาโรคมะเร็งตั้งแต่ ระยะเริ่มแรก
|
ปี พ.ศ. 2536 กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการ ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงานส่วนราชการต่างๆ โดยเฉพาะด้านบุคลากร
สาธารณสุขสาขาต่างๆ ให้รวมอยู่ใน ความรับผิดชอบของหน่วยงานเดียวกัน คือ สถาบันพัฒนา กําลังคนด้านสาธารณสุข
สังกัดสํานักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข จึงได้มีการโอนหลักสูตรต่างๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ของกรมการแพทย์
และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้อยู่ใน ความรับผิดชอบของวิทยาลัยเทคโนโลยีทางการแพทย์และ สาธารณสุข
สถาบันพัฒนากําลังคนด้านสาธารณสุข ดังนั้น โรงเรียนเซลล์วิทยา, โรงเรียนเวชสถิติ และโรงเรียนรังสี การแพทย์
ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสถาบันมะเร็ง แห่งชาติ กรมการแพทย์ จึงได้โอนไปอยู่ในความรับผิดชอบ ของวิทยาลัย
เทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุข
|